ณ ศูนย์ลูกเรือบริษัทการบินไทย หลักสี่
** ไปถึงก่อนเวลา ประมาณ 2 ชม. ด้วยความตื่นเต้นน **
หลังจากเตรียมเอกสารกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเข้าสู่สนามประลองจริงแล้วค่ะ ณ เวลานี้นี่เองที่เราต้องเดินขึ้นลิฟท์ไปห้องที่รอเราอยู่ด้านบน
การเตรียมตัวสำหรับด่านนี้ ก็อย่างที่เราพอจะรู้กันดีค่ะ คือ เรื่องบุคลิกภายนอกล้วนๆ ฟันขาว ผมตึง หน้าสวย(มาก) เสื้อผ้าเรียบมาก สีเข้ากันมาก นน.และส่วนสูงสัมพันธ์กันอย่างที่ว่ากันไปแล้วในบล๊อกก่อนหน้านี้ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
พอขึ้นมาบนห้องนั้น เราก็จะนั่งเรียงตามคิว ดูเอกสารอีกทีให้เรียบร้อย ระหว่างนั้น ก็พยายามยิ้มแย้มแจ่มใสเอาไว้ค่ะ อย่าคิดนะคะ ว่าคนรอบข้างเราคือคู่ต่อสู้ ที่ต้องแก่งแย่ง ฟาดฟัน ตำแหน่งนี้มาให้ได้ เพราะการที่คุณคิดอย่างนั้น มันแสดงรังสีอำมหิตออกมา และจะทำให้ไม่มีใครอยากคุยกับคุณค่ะ !! พอถึงเวลาเข้าห้องโชว์ตัว เจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าขอตรวจเอกสารก่อนเข้าไป ชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูงก่อนนะ ย่างก้าวเข้าไปในห้องอย่างมั่นใจเลยนะคะ ไม่มั่นใจก็ยิ้มเข้าไว้ค่ะ
ตรงส่วนที่ใช้วัดส่วนสูง และชั่งนน. นั้นถูกแบ่งไว้เป็นคอก อย่างชัดเจน ก็คิดซะว่า คอกนี้ละ คือ คอกชี้ชะตาค่ะ !! ระหว่างเดินเข้าไปให้ขออนุญาต โปรยยิ้ม และไหว้สวยๆ ((เน้น !! ว่าสวยๆ ช้าๆๆ)) สบตาท่านกรรมการแล้วส่งสายตาอันอ่อนโยน ปนอ้อนวอนไปให้ กรรมการมีประมาณ 6-7 คน พยายามมั่นใจเข้าไว้ อย่าสั่นมากเกินไปนะคะ
ว่าแล้วก็ขึ้นเขียงค่ะ เครื่องชังน้ำหนักและวัดส่วนสูงในเครื่องเดียวกัน เหมือนที่ใช้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ตัวเลขนน. เป็น Digital พอขึ้นไปยืนเราจะหันหน้าให้กรรมการ เพราะฉะนั้นเราก็จะมองไม่เห็นตัวเลข ก็ลุ้นจนเกร็งก้นกันไปค่ะ
"สูง 172 ซม. หนัก 57 กก. ........ ยินดีด้วยค่ะ คุณผ่านค่ะ"
** ถ้าใครอยากกระโดดตัวลอยในที่นี้ แนะนำให้เก็บอาการ ยิ้มอย่างกะมิดกะเมี้ยน และก้าวออกมาจากคอกก่อนนะคะ เดี๋ยวจะดูลิงโลดเกินไป **
หลังจากนั้นก็ออกมานั่งรอกันที่ห้องประชุมขนาดใหญ่กว้างขวาง ซึ่งถูกแบ่งเป็นคอกเล็กๆ อีก โดยเอาฉากกั้นในออฟฟิศมาแบ่งเขตแดนชั่วคราวที่มีป้ายกระดาษระบุตัวเลขของเขตแดน 1, 2, 3 และ 4 ค่ะ ซึ่งเป็นสถานที่สัมภาษณ์นั่นเอง ก่อนเข้าไปไม่ต้องเตรียมอะไรมากเลยค่ะ ขอให้ทุกคนเตรียมรวบรวมสติสตังเอาไว้ให้อยู่กับตัวจะดีกว่า ใครมาเขียนคณะกรรมการห้องนั้น ห้องนี้เป็นยังไงไม่ต้องไปอ่าน ไม่ต้องไปสนใจค่ะ อยู่กับตัวเราเท่านั้น ว่าแล้วก็ พุทโธ ... พุทโธ
"คนต่อไปเชิญห้องหมายเลข 3 ค่ะ"
ในคอกชี้ชะตากรรมนี้ มีกรรมการนั่งรอเราด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังทั้งสิ้น 4 ท่าน ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมาจากแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาให้คะแนนพวกเรา และคัดเลือกพวกเราไปทำงานโดยตรง อุ๋มเดินมายังทางเข้า ซึ่งเป็นทางเข้าที่ไม่มีประตูจึงขออนุญาตเข้าห้องแทน และอย่าลืมกล่าวคำขอบคุณเมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการนะคะ จากนั้นจึงยืนตรงกลางห้องก่อนไหว้คณะกรรมการตรงหน้าเพียงครั้งเดียว กรรมการให้เริ่มด้วยการแนะนำตัวก่อน
ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น จบจาก คณะ งานอดิเรก ความสามารถพิเศษ แค่นั้นพอค่ะ .... อาจโดนทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ก็เตรียมตัวไปทั้ง 2 ภาษาเลยค่ะ
หลังจากนั้นก็จะตามมาด้วยคำถามชนิดต่างๆ ทั้งยากง่าย ทั้งเป็นภาษาไทยและอังกฤษสลับกันไป คำถามส่วนมากเป็นเรื่องของเราทั่วไปทั้งนั้น แต่ละคนได้คำถามไม่เหมือนกัน ใครเพิ่งจบก็จะถามประสบการณ์ระหว่างเรียน ใครทำงานก็จะถามเรื่องที่ทำงาน เราต้องเข้าใจก่อนว่าในขั้นตอนนี้เค้าไม่ได้อยากวัดความสามารถและมันสมองของเราเลย แต่อยากเห็นลักษณะการพูดจา ท่าทาง การวางตัว บุคลิกของเราว่าพอจะเป็นลูกเรือของเค้าได้มั้ย ตรงนี้ก็แค่อาศัยทักษะการพูดนิดหน่อยและวางบุคลิกอย่าให้หลุด เท่านั้นก็พอ บางคนอาจะโดนทดสอบเรื่องอารมณ์ก็ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้อย่างดีด้วยค่ะ
** ขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่าสิ่งที่กรรมการสัมภาษณ์เราทั้งในรอบนี้และรอบไฟน่อล ไม่ได้ครึ่งของสิ่งที่ได้เจอจริงกับการทำงานบนเครื่อง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องดีแล้วที่เค้าคัดละเอียดขนาดนี้ งานบนเครื่องดูเหมือนเป็นงานที่ใครๆ ก็ทำได้ ให้หน้าสวย ผมเรียบเข้าไว้ แต่เอาจริงๆ มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ งานนี้เป็นงานละเอียด เป็นงานที่ต้องดีลกับความต้องการของผู้โดยสารโดยตรง ซึ่งพวกเราเรียกตัวเองว่า Front Line มาเจอจริงๆ มีอะไรมากกว่านั้นเยอะๆ เลยค่ะ **
แบ่งสติดีๆ ในช่วงสัมภาษณ์นะคะ เพราะ กรรมการจะผลัดกันรับ ผลัดกันส่งคำถามค่ะ การยิงคำถามแบบรัวก็สามารถเกิดขึ้นได้ เราก็ค่อยๆ ตอบไป ตอบให้ครบ เค้าไม่รีบ และไม่ไล่เราออกไปจากห้องค่ะ บางเรื่องเล่าได้ ก็เล่าแบบรวบรัด ไม่ต้องมหาภารตะ สามชาติ สามภพ จบนะคะ กรรมการทุกท่านมีหน้าที่ต่างกันไปในองค์กร สิ่งที่เค้าอยากรู้ก็แตกต่างกัน แต่ส่วนมากอุ๋มรู้สึกว่าเค้าดูทัศนคติโดยรวมค่ะ
คุยกันเสร็จสักพัก คณะกรรมการก็บอกให้ อุ๋มเดินตามเส้นบนพื้นที่ท่านเตรียมไว้ จากฟากหนึ่งของห้องไปยังอีกฟากทั้งแบบใส่รองเท้าส้นสูง และเท้าเปล่าค่ะ เสร็จแล้วก็ให้ยื่นมือ ให้กรรมการดูจนครบ ดูทั้งมือ แขน ข้อศอก เพื่อตรวจดูท่อนแขน
ท่านกรรมการบอกตอนท้ายมาว่า ครั้งหน้าเจอกันอยากให้ใส่สูทมาด้วย เพราะว่าตอนนั้นไม่ได้เตรียมใส่สูทไป แต่เอาจริงๆ เชื่อว่ากรรมการต้องชอบเวลาเราใส่สูทมากกว่าค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นสูทที่เหมือนๆ กันตามท้องตลาดนะคะ ขอแค่เป็นสูทที่เรียบร้อย เหมาะสม ดู Professional และ สุดท้ายก็ได้รับคำชมนิดหน่อยว่ายิ้มสวย :)
เมื่อออกมาแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ถามเราว่าเราจะลงสอบภาษาที่สามหรือเปล่า การที่เรามีภาษาที่สามนั้นถือว่าเป็นอาวุธประจำตัวเพราะเป็นสิ่งที่จะยกระดับตัวเราทรงคุณค่า ดูมีภูมิมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีและไม่มั่นใจจริงๆ ไม่ต้องไปลงนะคะ ได้ข่าวว่ายากอยู่นะคะ ฮ่าๆๆ
**การสอบภาษาที่สามจะจัดขึ้นนอกรอบในวันที่ไม่ตรงกับวันสอบหลัก ซึ่งมีหลายภาษาให้เลือกแต่ขออภัยที่จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง หลักๆที่ต้องการคือ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ซึ่งจะทำการสอบโดยลูกเรือรุ่นพี่ที่มีความรู้ด้านภาษานั้นๆ หากทำได้ดี ก็จะมีคะแนนเพิ่มให้ค่ะ รู้สึกว่าจะเต็ม 10 คะแนนนำคะ**
หลังจากนั้นก็ทำบัตรประจำตัวผู้สมัครเค้ารับตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สำหรับใช้ในรอบต่อๆ ไป เหมือนจะจำได้ว่าเค้าจะถ่ายรูปเราไว้ด้วยรูปนึงค่ะ ขั้นตอนนี้ไม่ซีเรียสมาก ส่วนที่เค้าให้คะแนนเรานั้นผ่านไปหมดแล้ว แต่ก็สำรวมกิริยาท่าทางไว้ตลอดเวลาที่อยู่ที่สถานที่นี้จะดีที่สุดค่ะ
จบแล้วค่ะสำหรับวันนี้หวังว่าบล๊อกนี้จะมีประโยชน์สำหรับการสมัครเข้ารับตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนะคะ :) แล้วเจอกันสำหรับบล๊อกการสอบข้อเขียนค่ะ
No comments:
Post a Comment