Monday, January 6, 2014

ชีวิตแอร์สาว : Melbourne เบาๆ กับอุ๋ม 19/12/13

สวัสดีค่าา มาเริ่มวันที่ 2 ของการเดินเล่นใน Melbourne กับอุ๋มกันเลยย

19 December 2013


ตื่นเช้าตรู่ค่ะ เนื่องจากคุณเพื่อนสาวปลาต้องบินกลับไฟลท์เช้า นางเลยมาปลุกกกที่ห้อง เลยออกไปเดินเล่นในเมือง หาอาหารเช้าทานกัน เช่น ไอติมแม๊กนั่ม เป็นต้น ,,, ช่าง เฮลธี่ เสียนี่กระไร

นางกล่าวว่า "ก็ไอติมแม๊กนั่มมีหลายรสไม่เหมือนที่ไทย เลยกินทุกรสที่ไม่เหมือน"

แล้วก็ฟาดไป 2 แท่งเต็มๆ อย่าถามว่าแคลอรี่เท่าไหร่ แต่นางผอมนะ เกลียดนางกันเถอะ !!


อันนี้เพจนางนะคะ ของกินล้วนๆ ของเจ้ Pla Chen เข้าไปกดไลค์เพิ่มความอ้วนกันโดยพลันนน

แล้วคุณปลาก็หนีกลับห้องไปนอนค่ะ อุ๋มกลับห้องมาเลยเดินไปชื่นชม Fitness ของ รร. ซักเล็กน้อยสุดท้ายก็เลยปั่นจักรยานไป 40 นาที เนื่องจาก ไม่รู้จะทำอะไร ,, 


มันเก๋ตรงที่มี Fitness ที่ทุก รร. ที่ไปนี่แหละ สายการบินน่าจะกลัว ลูกเรืออ้วนจากการกินกระหน่ำ แบบบุคคลข้างต้นนะคะ ฮ่าๆๆ แต่อุ๋มก็ทานกระหน่ำเหมือนกันนะ ดูได้จากแก้ม แก้มมาแบบกระหน่ำเช่นกัน !! แต่ถามว่าออกกำลังกายเสร็จแล้วทำอะไร ....


ขึ้นห้องมาก็มีอาหารรออยู่เลยค่ะ เป็นอาหารไทยด้วยนะ เก๋ใช่ไม๊ละ ตอนมาถึงสั่งอาหารรอไว้แล้ว คือ "คะน้าเต้าหู้ราดข้าว" อร่อยมากเลยยยยยยยยยยยยยยย โอ้มายก๊าชชชชชช

ทานเสร็จ อาบน้ำแต่งตัว พร้อมออกไปเดินข้างนอกละ เช็คอุณหภูมิข้างนอกซักเล็กน้อย


ต่างกันเกินไปไหมคะ? ตอบดาวที, ,, เมื่อคืนนี้ 16 องศา สบายยย เดินง่ายอากาศดี ตอนนี้ 38 องศา คืออะไรคะ ร้อนนนนนนถล่มทลายค่ะ ได้ข่าวมาว่าร้อนที่สุดในรอบปีแล้วค่ะ 

อะไรจะโชคดีปานนี้ละ พัณณิตา ,,, ป่ะ หยิบแว่นแล้วออกจากห้องมาซะ ออกไปตะลอนคนเดียวดูค่ะ


สถานที่ ที่จะไปเดิน Survey คือ ตึก QV หรือ QV Building ค่ะ ซึ่งจะมีร้านรวงอะไรต่างๆ มากมายอยู่เต็มไปหมด และที่สำคัญญญญ มี Supermarket ค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าอุ๋มชอบช๊อปของเข้าบ้านเป็นอย่างมาก อุ๋มตั้งใจไว้แล้วว่าเวลามานอนตามสเตชั่น หรือประเทศต่างๆ จะซื้อของซุปเปอร์นี้ละค่ะ สนุกก มีของที่ในประเทศไทยยังไม่มีขาย แบกขนกันไป 


ร้านแรกที่หลวมตัวหลุดเข้าไป คือ ร้านหนังสือค่ะ เดินไปตามทางออกจาก รร. แล้วสะดุดตาเข้ากับป้าย หน้าร้าน ที่เขียนว่า "All Books $10" เล่มละ 10 เหรียญเองน๊าา จริงๆ ก็ไม่ถูกหรอก แต่ชอบหนังสือ เลยชะแว้ปป เข้าไปดู สุดท้ายก็เสียตังค์ไป 10 เหรียญค่ะ ซื้อหนังสือมา 2 เล่ม มีโปรโมชั่นตรงโซนหนังสือเด็ก 2 เล่ม 10 เหรียญ เลยโดนซะ ,,, ฮ่าๆๆ 


และแล้วก็มาถึงค่ะ Woolworths เป็นสถานที่ช๊อปหลักของอุ๋มในวันนี้ค่ะ กรี๊ดเลยๆๆๆ ขนม นม เนย โยเกิร์ต ผลไม้ คือของหลักๆ ที่มองหา :D ส่วนมากได้แต่ขนมกลับมา Hand Cream และลิปบาล์มค่ะ ตามในรูปเลย แอบถ่ายหนังสือ 2 เล่มที่ ถอยมาด้วย แห่ะๆๆ

พอเดินเสร็จก็ใกล้เวลาที่นัดกับเพื่อนอีกคนไว้ที่ รร.ค่ะ เลยกลับมานั่งพักให้ร่างเย็นลงซะหน่อยที่ห้อง


เลยถือโอกาสเปลี่ยนชุดซะ ฮ่าๆๆๆ กะว่ามา 1 วันนี่เปลี่ยนซัก 8 ชุดไปเลยนะฮ้าาา ...เ ย อ ะ !!

และก็ได้เวลาออกมาเดินเล่นอีก 1 หนค่ะ งานนี้เจ้าถิ่นพาเที่ยวเลย ขอบคุณสาวคลีด้วยนะจ้ะ ที่มานำเราเที่ยว ไม่งั้นละก็หลงตลอด ชัวๆๆ :) กลับไปที่ถนนเส้นเดิมอีกหนค่ะ ตรงนี้เป็นเหมือน Check Point เพื่อนๆ คนไหนที่บินไป ต้องไปถ่ายกันหมด เพราะช่วงคริสมาสต์ ตรอกนี้แต่งออกมาได้น่ารักมากกก ชอบมากเลย ได้กลิ่นไอเหมือน Diagon Alley หรือ ตรอกไดอะกอน ในเรื่อง Harry Potter เลยค่ะ


ร้านค้าในนี้ก็น่ารักไปซะหมดทุกร้าน แต่อุ๋มไม่มีโอกาสได้ซื้ออะไรเลย บอกเลยว่าทุกอย่างแพงจริงๆ ซื้อไม่ลงเลยค้าา T-T


ร้านนี้คือร้านที่ชอบมากๆๆ อีกร้านหนึ่งชื่อว่า kikki.K มีสาขาอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ตอนไปสิงคโปร์ก็แอบแวะไป คือชอบมากๆ เป็นร้านเครื่องเขียน และของกุ๊กกิ๊ก เล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ที่แค่เดินชมก็แฮปปี้แล้ว ถ้าใครชอบเครื่องเขียนรับรองว่าต้องชอบแน่ๆ ค่ะ



ชอบมาก ฟินมากก แม้จะไม่ได้อะไรเลยก็ตาม คือชอบดู ฮ่าๆๆๆ


และก็เดินต่อมายังเป้าหมายต่อมา คือ ร้าน The Teddy House Shop ค่ะ ภายในร้านมีตุ๊กตาอยู่อย่างเต็ม คือสมชื่อร้านเลย มีตุ๊กตาหมีทุกรูปแบบ หน้าตาแปลกๆ ที่ไม่ค่อยเห็นก็มี แค่มาเดินก็สนุกแล้ว >< อุ๋มเดินดูๆ ถ่ายรูป เจ้าของก็ไม่ว่า Nice มากๆ หมายตาไว้แล้วนะบางตัว แต่กระเป๋าคงยัดไม่ลงแน่ๆ รอคราวหน้าก่อนนะคะ ถ้าชอบตุ๊กตา อย่าพลาดมาดูนะคะร้านนี้

แล้วก็ไปเดินเล่นในเมืองค่ะ ตึกต่างๆ ในเมืองสวยมากๆ น่าเดิน แต่ตอนไปเสียดายอากาศร้อนไปนิด เหงื่อตกกันเลยทีเดียวระหว่างวัน แต่ก็ไม่หวั่นค่ะ สามารถเดินได้ทั้งวัน จะได้ย่อยอาหารที่ทานเข้าไปด้วย


ร้าน Soul Cafe น่ารักมากก อยากไปทาน แต่วันนั้นอิ่มมาก และมีเป้าหมายที่อีกร้านนึงทำให้ข้ามร้านนี้ไปแต่ คราวหน้าต้องลองซักหนค่ะ ใครเคยไปลองแล้วเป็นไงมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ อุ๋มชอบทานขนมมากๆ อยากไปลองทุกร้านเลย


สุดท้ายอุ๋มและคุณเพื่อนก็มาแลนดิ้ง กันที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งค่ะ ฮ่าๆๆ ไปถึงเมลเบิร์น แต่ทานผัดไท ละค่าา มันเกร๊ตรงนี้ละเธออออ !!! ฮ่าๆๆๆ โดนไปจานละ 10 เหรียญนะคะ


ต๊อกแต๊กๆ เดินต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ


เดินต่อไปยัง Victorian State Library กรี๊ดดดดดดดด สวยมากกกๆๆๆ แค่ข้างนอกก็สวยแล้วค่ะ ฟินน
ชอบอะไรแบบนี้มาก เหมือนหลงมาอยู่ใน ฮอกวอตต์ คือ สวยจริงๆ นะ คลาสสิคมากๆ ค่ะ ข้างนอกว่าสวยแล้ว เลยลองเดินเข้าไปข้างในดู


นี่คือด้านในของตัวอาคารค่ะ



ขึ้นไปมองจากมุมสูงสวยมากเลยทีเดียว


เพื่อนรวมเดินทางของอุ๋มค่ะ คบกันมา 12 ปีแล้ว แต่ตอนนี้สาวคลีกลายเป็นสาวออสซี่ไปเสียแล้ว :D
ดีใจนะที่พาเราไปเที่ยว และยังถ่ายรูปให้ด้วย ขอบคุณนะคะ ฮิฮิ

เดินกันมาเยอะแล้ว ได้เวลาไปร้านที่อาฆาตไว้แล้วค่ะ นั่นก็คือ

Max Brenner Chocolate Bar ที่ QV Building ค่ะ


เสียดายมากันแค่ 2 สาว เราเลยไม่กล้าสั่งอะไรมากค่ะ คือ สงสารตาชั่งนน. ที่บ้านนะ


นี่คือสิ่งที่สามารถรับผิดชอบได้ค่ะ Strawberry Chocolate Dip หรืออะไรซักอย่างประมาณนี้ ฮ่าๆ

อร่อยยยยยยฟินนนนนน ,,, เก๊าช๊อบบชอบบ เก๊าชอบอ้วนเลยอ่ะ จุดนี้

แล้ววันนี้ก็จบลงงแล้วอย่างรวดเร็วค่ะ เนื่องจากว่าต้องรีบกลับไปนอนเดี๋ยวจะทำงานขากลับไม่ไหวน๊าา จะทำงานบนเครื่องได้ ต้องนอนพอ ทานอาหารพอนะคะ :) ก็ขอลาไปเลยละกันนะคะกับ Melbourne เบาๆ ครั้งนี้ ไว้ทริปหน้าเจอกันที่ เกาหลี ค่ะ คิคิ


บ๊ายบายยค่ะ








Sunday, January 5, 2014

คั้นกลาง ,, ทริป Melbourne 18-20/12/2013

ขอขั้นกลาง บรรยากาศ การสมัครแอร์แปร๊บบบบ

มาดูชีวิตแอร์ในแบบอุ๋มอุ๋ม บ้างดีกว่าค่ะ ฮ่าๆๆ ขอยกแต่ไฟลท์ที่ได้ไป นอนตาม Station มารีวิว Preview ให้ดูแล้วกันน๊าา เพราะถ้าเอาทุกไฟลท์มาเขียนสงสัยจะไม่จบอย่างแน่นอน วันนี้ขอเสนอไฟลท์แรกที่ไป ตอนที่ 1 เลยค่ะ Melbourne ดินแดนหรรษา

File:Melb CBD.jpg

เมลเบิร์น (อังกฤษMelbourne, ออกเสียงว่า /ˈmel.bən/ หรือ /ˈmæl.bən/) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศออสเตรเลีย รองจากนครซิดนีย์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ มีประชากรประมาณ 3,806,092 คน (พ.ศ. 2549)[1] เมลเบิร์นเป็นเมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย เมลเบิร์นก่อตั้งใน พ.ศ. 2378 (ค.ศ. 1835)
 Credit: www.wikipedia.com

สรุป คือเรากำลังเดินทางไป ประเทศออสเตรเลีย รัฐวิกตอเรีย ณ เมืองหลางที่ชื่อว่า เมลเบิร์น ค่ะ


ก่อนจะไปถึงได้ก็ต้องทำงานกันก่อนค่ะ วันนี้อุ๋มทำงานอยู่ตำแหน่งต้อนรับผู้โดยสารเลยยย
"สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ ขออนุญาตดูบัตรโดยสารด้วยนะคะ ,,,,,"

Flight Time ประมาณ 8 ชม. จาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปถึง Melbourne Airport

อ่ะปร๊าดดด ทำงานไป อะไรไป ไปถึง รร.ไวเหมือนโกหก :)
Citadines on Bourke Melbourne Hotel ฮร้าาา
อยู่ไกลจาก Airport พอสมควร แต่ในเมืองเลย กรี๊ดดด



เป็นโรงแรมกึ่ง Service Apartment แต่งแบบ โมเดิร์นๆ ชอบบบบเลยย
พอถึงโรงแรม ปุ๊บ โยนกระเป๋า เปิดกระเป๋า เปลี่ยนชุดและกลายร่างเป็นนักท่องเที่ยวพลันนน


พร้อมออกไปเดินลุยแล้วค่ะ โชคดีมากๆๆ ที่พี่ๆ ในไฟลท์พาไปเที่ยว ต้องขอขอบคุณ
พี่ช้าง พี่หยิน พี่ต้น ไว้ ณ ที่นี้ด้วย เผื่อมีโอกาสได้มาอ่านนะ :)


ระหว่างทางก็มีของกินให้เลือกสรร และให้เสียตังค์มากมาย ก็หมดตังค์กันไปตามกำลังทรัพย์
แต่ว่าแลกเงินไปไม่เยอะ สุดท้ายก็หมุดหัวเข้า 7-11 ซื้อแค่ โยเกิร์ต และ แอปเปิ้ล 1 ผล กลับมาเป็นเสบียงตุนเอาไว้เผื่อหิว แต่จริงๆ สั่งอาหารไทยไว้แล้วกล่องนึง ด้วย .... ความอ้วนจงมาเยือน


ช่วงเวลาที่ไปนั้น เหมาะสมแก่การเดินเล่นมากค่ะ เพราะว่าใกล้คริสมาสต์ ทั้งเมือง จึงถูกประดับประดาไปด้วย ดอกไม้หลากสีสัน และตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ภายในธีมเขียวแดง ลั่ลล๊าเลย ชอบจัง :)
  

นี่คือแผนที่เส้นทางที่เดินไปจาก รร. ตอนเดินนี่แป๊บบเดียวเลย :) อากาศก็ดี๊ดี แต่ช่วงที่ไปถึงคือดึกมากแล้วนะคะ แบบประมาณห้าทุ่มที่นู่นแล้ว ร้านรวงอะไรส่วนมากก็ปิดกันเกือบจะหมด เหลือแต่บาร์ และร้านนั่งชิล ที่ยังเปิดอยู่บ้างประปราย อุ๋มเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งคาเฟ่ ทานเค้กแบบที่อุ๋มชอบเลยย ส่วนถ้าอยากหาอาหารเป็นชิ้นเป็นอันทานนั้นต้องไปอีกทางค่ะ เดินเข้า China Town ไปรับรองมีทุกสิ่ง !!

ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยวไก่ บะหมี่เป็ด ข้าวผัด เกี๊ยวน้ำ ,,, โอ๊ย เยอะค่ะ

ว่าแล้วก็อยากกินขึ้นมาตะงิดๆ

ว่าแล้วก็พาชมเมืองต่อ อุ๋มเดินตรงไปยัง St. Paul's Cathedral ค่ะ เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยมาก แต่เสียดายไม่มีโอกาสได้เข้าไปเดินชม แต่ครั้งหน้ารับรองว่าจะไม่พลาดเลย เพราะ ตอนกลับมาถึงไทยมาเปิดรูปด้านใน โอ๊ยย พลาดไปแล้วว ข้าพลาดไปแล้วว


นี่คือ St. Paul's Cathedral และ นี่คือภาพด้านในจาก Google ค่ะ 

เสียใจง่ะ !!


แล้วก็ได้เวลาเดินกลับ โรงแรม ปาเข้าไป ตี 1 จะ ตี 2 ล่ะนะ :)


คือชอบถ่ายรูปอ่ะ ฮ่าๆๆ ถ่ายตามนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด กำแพง ต้นหญ้า พื้น เสา รูปปั้น ><"


กลับมาถึงโรงแรมแล้วค่ะ วันนี้เดินกัน สุดๆๆ แต่ชอบมากเลย พรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อ ขอวางแผนเบาๆ ก่อนน๊าา ดีใจมากเลย ที่มีพี่ๆ ในไฟลท์พาไปเดินดูเมือง เผื่อวันพรุ่งนี้พี่ๆ เค้าจะพักผ่อนกัน อุ๋มก็พอรู้ทางบ้างแล้ว ที่โรงแรมมี Wifi ให้ เสร็จโก๋ล่ะ เข้า Google Map หาทางเดินเล่นดีกว่า


โรงแรมเตรียม ข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยวและจุดสนใจสำหรับ Tourist ไว้บ้างค่ะ แต่ไปได้ไม่ครบชัวๆ เพราะมีเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น แหง่ ไว้รอมานอนคราวหน้าจะไปเที่ยวให้หนำใจเลยนะ ฮ่าๆๆ แล้วพรุ่งนี้จะเป็นยังไงกันต่อขอติดไว้ บล๊อกหน้านะคะ รับรองว่าเที่ยวทั้งวันจริงๆ 

ไฟลท์ขากลับที่ถึงขั้น เหนื่อย เลย

แล้วเจอกันใหม่สำหรับ ทริป Melbourne วันที่ 2 ค่ะ


Friday, January 3, 2014

Pre-Screening :: วันดูตัว #2

ณ ศูนย์ลูกเรือบริษัทการบินไทย หลักสี่ 
** ไปถึงก่อนเวลา ประมาณ 2 ชม. ด้วยความตื่นเต้นน **


          หลังจากเตรียมเอกสารกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเข้าสู่สนามประลองจริงแล้วค่ะ ณ เวลานี้นี่เองที่เราต้องเดินขึ้นลิฟท์ไปห้องที่รอเราอยู่ด้านบน 

          การเตรียมตัวสำหรับด่านนี้ ก็อย่างที่เราพอจะรู้กันดีค่ะ คือ เรื่องบุคลิกภายนอกล้วนๆ ฟันขาว ผมตึง หน้าสวย(มาก) เสื้อผ้าเรียบมาก สีเข้ากันมาก นน.และส่วนสูงสัมพันธ์กันอย่างที่ว่ากันไปแล้วในบล๊อกก่อนหน้านี้ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ

          พอขึ้นมาบนห้องนั้น เราก็จะนั่งเรียงตามคิว ดูเอกสารอีกทีให้เรียบร้อย ระหว่างนั้น ก็พยายามยิ้มแย้มแจ่มใสเอาไว้ค่ะ อย่าคิดนะคะ ว่าคนรอบข้างเราคือคู่ต่อสู้ ที่ต้องแก่งแย่ง ฟาดฟัน ตำแหน่งนี้มาให้ได้ เพราะการที่คุณคิดอย่างนั้น มันแสดงรังสีอำมหิตออกมา และจะทำให้ไม่มีใครอยากคุยกับคุณค่ะ !! พอถึงเวลาเข้าห้องโชว์ตัว เจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าขอตรวจเอกสารก่อนเข้าไป ชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูงก่อนนะ ย่างก้าวเข้าไปในห้องอย่างมั่นใจเลยนะคะ ไม่มั่นใจก็ยิ้มเข้าไว้ค่ะ

          ตรงส่วนที่ใช้วัดส่วนสูง และชั่งนน. นั้นถูกแบ่งไว้เป็นคอก อย่างชัดเจน ก็คิดซะว่า คอกนี้ละ คือ คอกชี้ชะตาค่ะ !! ระหว่างเดินเข้าไปให้ขออนุญาต โปรยยิ้ม และไหว้สวยๆ ((เน้น !! ว่าสวยๆ ช้าๆๆ)) สบตาท่านกรรมการแล้วส่งสายตาอันอ่อนโยน ปนอ้อนวอนไปให้ กรรมการมีประมาณ 6-7 คน พยายามมั่นใจเข้าไว้ อย่าสั่นมากเกินไปนะคะ 

          ว่าแล้วก็ขึ้นเขียงค่ะ เครื่องชังน้ำหนักและวัดส่วนสูงในเครื่องเดียวกัน เหมือนที่ใช้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ตัวเลขนน. เป็น Digital พอขึ้นไปยืนเราจะหันหน้าให้กรรมการ เพราะฉะนั้นเราก็จะมองไม่เห็นตัวเลข ก็ลุ้นจนเกร็งก้นกันไปค่ะ

          "สูง 172 ซม. หนัก 57 กก. ........ ยินดีด้วยค่ะ คุณผ่านค่ะ"

          ** ถ้าใครอยากกระโดดตัวลอยในที่นี้ แนะนำให้เก็บอาการ ยิ้มอย่างกะมิดกะเมี้ยน และก้าวออกมาจากคอกก่อนนะคะ เดี๋ยวจะดูลิงโลดเกินไป **

          หลังจากนั้นก็ออกมานั่งรอกันที่ห้องประชุมขนาดใหญ่กว้างขวาง ซึ่งถูกแบ่งเป็นคอกเล็กๆ อีก โดยเอาฉากกั้นในออฟฟิศมาแบ่งเขตแดนชั่วคราวที่มีป้ายกระดาษระบุตัวเลขของเขตแดน 1, 2, 3 และ 4 ค่ะ ซึ่งเป็นสถานที่สัมภาษณ์นั่นเอง ก่อนเข้าไปไม่ต้องเตรียมอะไรมากเลยค่ะ ขอให้ทุกคนเตรียมรวบรวมสติสตังเอาไว้ให้อยู่กับตัวจะดีกว่า ใครมาเขียนคณะกรรมการห้องนั้น ห้องนี้เป็นยังไงไม่ต้องไปอ่าน ไม่ต้องไปสนใจค่ะ อยู่กับตัวเราเท่านั้น ว่าแล้วก็ พุทโธ ... พุทโธ 
         "คนต่อไปเชิญห้องหมายเลข 3 ค่ะ"

          ในคอกชี้ชะตากรรมนี้ มีกรรมการนั่งรอเราด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังทั้งสิ้น 4 ท่าน ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมาจากแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาให้คะแนนพวกเรา และคัดเลือกพวกเราไปทำงานโดยตรง อุ๋มเดินมายังทางเข้า ซึ่งเป็นทางเข้าที่ไม่มีประตูจึงขออนุญาตเข้าห้องแทน และอย่าลืมกล่าวคำขอบคุณเมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการนะคะ จากนั้นจึงยืนตรงกลางห้องก่อนไหว้คณะกรรมการตรงหน้าเพียงครั้งเดียว กรรมการให้เริ่มด้วยการแนะนำตัวก่อน 

          ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น จบจาก คณะ งานอดิเรก ความสามารถพิเศษ แค่นั้นพอค่ะ .... อาจโดนทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ก็เตรียมตัวไปทั้ง 2 ภาษาเลยค่ะ

          หลังจากนั้นก็จะตามมาด้วยคำถามชนิดต่างๆ ทั้งยากง่าย ทั้งเป็นภาษาไทยและอังกฤษสลับกันไป  คำถามส่วนมากเป็นเรื่องของเราทั่วไปทั้งนั้น แต่ละคนได้คำถามไม่เหมือนกัน ใครเพิ่งจบก็จะถามประสบการณ์ระหว่างเรียน ใครทำงานก็จะถามเรื่องที่ทำงาน เราต้องเข้าใจก่อนว่าในขั้นตอนนี้เค้าไม่ได้อยากวัดความสามารถและมันสมองของเราเลย แต่อยากเห็นลักษณะการพูดจา ท่าทาง การวางตัว บุคลิกของเราว่าพอจะเป็นลูกเรือของเค้าได้มั้ย ตรงนี้ก็แค่อาศัยทักษะการพูดนิดหน่อยและวางบุคลิกอย่าให้หลุด เท่านั้นก็พอ บางคนอาจะโดนทดสอบเรื่องอารมณ์ก็ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้อย่างดีด้วยค่ะ

          ** ขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่าสิ่งที่กรรมการสัมภาษณ์เราทั้งในรอบนี้และรอบไฟน่อล ไม่ได้ครึ่งของสิ่งที่ได้เจอจริงกับการทำงานบนเครื่อง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องดีแล้วที่เค้าคัดละเอียดขนาดนี้ งานบนเครื่องดูเหมือนเป็นงานที่ใครๆ ก็ทำได้ ให้หน้าสวย ผมเรียบเข้าไว้ แต่เอาจริงๆ มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ งานนี้เป็นงานละเอียด เป็นงานที่ต้องดีลกับความต้องการของผู้โดยสารโดยตรง ซึ่งพวกเราเรียกตัวเองว่า Front Line มาเจอจริงๆ มีอะไรมากกว่านั้นเยอะๆ เลยค่ะ **

          แบ่งสติดีๆ ในช่วงสัมภาษณ์นะคะ เพราะ กรรมการจะผลัดกันรับ ผลัดกันส่งคำถามค่ะ การยิงคำถามแบบรัวก็สามารถเกิดขึ้นได้ เราก็ค่อยๆ ตอบไป ตอบให้ครบ เค้าไม่รีบ และไม่ไล่เราออกไปจากห้องค่ะ บางเรื่องเล่าได้ ก็เล่าแบบรวบรัด ไม่ต้องมหาภารตะ สามชาติ สามภพ จบนะคะ กรรมการทุกท่านมีหน้าที่ต่างกันไปในองค์กร สิ่งที่เค้าอยากรู้ก็แตกต่างกัน แต่ส่วนมากอุ๋มรู้สึกว่าเค้าดูทัศนคติโดยรวมค่ะ

          คุยกันเสร็จสักพัก คณะกรรมการก็บอกให้ อุ๋มเดินตามเส้นบนพื้นที่ท่านเตรียมไว้ จากฟากหนึ่งของห้องไปยังอีกฟากทั้งแบบใส่รองเท้าส้นสูง และเท้าเปล่าค่ะ เสร็จแล้วก็ให้ยื่นมือ ให้กรรมการดูจนครบ ดูทั้งมือ แขน ข้อศอก เพื่อตรวจดูท่อนแขน 

          ท่านกรรมการบอกตอนท้ายมาว่า ครั้งหน้าเจอกันอยากให้ใส่สูทมาด้วย เพราะว่าตอนนั้นไม่ได้เตรียมใส่สูทไป แต่เอาจริงๆ เชื่อว่ากรรมการต้องชอบเวลาเราใส่สูทมากกว่าค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นสูทที่เหมือนๆ กันตามท้องตลาดนะคะ ขอแค่เป็นสูทที่เรียบร้อย เหมาะสม ดู Professional และ สุดท้ายก็ได้รับคำชมนิดหน่อยว่ายิ้มสวย :)

          เมื่อออกมาแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ถามเราว่าเราจะลงสอบภาษาที่สามหรือเปล่า การที่เรามีภาษาที่สามนั้นถือว่าเป็นอาวุธประจำตัวเพราะเป็นสิ่งที่จะยกระดับตัวเราทรงคุณค่า ดูมีภูมิมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีและไม่มั่นใจจริงๆ ไม่ต้องไปลงนะคะ ได้ข่าวว่ายากอยู่นะคะ ฮ่าๆๆ

**การสอบภาษาที่สามจะจัดขึ้นนอกรอบในวันที่ไม่ตรงกับวันสอบหลัก ซึ่งมีหลายภาษาให้เลือกแต่ขออภัยที่จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง หลักๆที่ต้องการคือ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ซึ่งจะทำการสอบโดยลูกเรือรุ่นพี่ที่มีความรู้ด้านภาษานั้นๆ หากทำได้ดี ก็จะมีคะแนนเพิ่มให้ค่ะ รู้สึกว่าจะเต็ม 10 คะแนนนำคะ**

          หลังจากนั้นก็ทำบัตรประจำตัวผู้สมัครเค้ารับตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สำหรับใช้ในรอบต่อๆ ไป เหมือนจะจำได้ว่าเค้าจะถ่ายรูปเราไว้ด้วยรูปนึงค่ะ ขั้นตอนนี้ไม่ซีเรียสมาก ส่วนที่เค้าให้คะแนนเรานั้นผ่านไปหมดแล้ว แต่ก็สำรวมกิริยาท่าทางไว้ตลอดเวลาที่อยู่ที่สถานที่นี้จะดีที่สุดค่ะ


          จบแล้วค่ะสำหรับวันนี้หวังว่าบล๊อกนี้จะมีประโยชน์สำหรับการสมัครเข้ารับตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนะคะ :) แล้วเจอกันสำหรับบล๊อกการสอบข้อเขียนค่ะ